Tag Archive : sbobet

ต้องบอกเลยว่าเกมสำคัญของอาร์เซนอลมาถูกที่ถูกเวลาอีกแล้ว สำหรับชัยชนะเหนือ ลีดส์ 4-2 แบบที่เรียกว่าเป็นทีมปืนใหญ่ฟอร์มเดิมที่คุ้นเคยกันมาตลอด เกมนี้แฟนบอลน่าจะลุ้นเกร็งจิกเท้าบ้างในช่วงครึ่งหลัง แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นไปตามคาดเอาชนะไปได้นิ่มๆ เกมนี้เล่นดีแบบนี้เราก็ต้องมาเก็บตกกันหน่อยว่าหลังเกมมีประเด็นอะไรน่าสนใจกันบ้าง

โอบาเมยอง กลับมาแล้ว

หลังจากฟอร์มออกทะเลไปไกลมาก บวกกับเจอเรื่องเครียดทางบ้าน จากอาการเจ็บป่วยของคุณแม่ จนต้องกลับไปเยี่ยม ทำให้กลับมาต้องโดนกักตัวจากโควิท 19 นั่นทำให้เค้ามีเวลาบางอย่างได้ทบทวนตัวเองออกไป แต่เกมนี้ดูเหมือนว่าเราจะได้เห็น ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง คนเดิมกลับมาแล้ว การเล่นของเค้าในเกมนี้อยู่ถูกที่ถูกเวลาตลอด ทำให้เจ้าตัวยิงไป 3 ประตูทำ แฮตทริค ฉลองวันวาเลนไทน์ไป การเห็นเจ้าตัวยิงได้แบบนี้น่าจะทำให้แฟนบอลยิ้มออกได้บ้าง ทำให้กองหน้าของอาร์เซนอลตอนนี้คงต้องขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งกันมากขึ้น

มาร์ติน โอเดการ์ด ของดีที่ต้องรอ

ในช่วงตลาดหน้าหนาว ดีลที่น่าสนใจสุด เรามองว่าเป็นดีลที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ย้ายมาอาร์เซนอลแบบยืมตัว จริงอยู่ว่าเจ้าหนูคนนี้อาจจะต้องเจอเครื่องหมายคำถามว่า จะไหวไหมสำหรับพรีเมียร์ลีค แล้วเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้กำลังปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น เกมนี้ลงสนามไปถือว่าดีเลย เหมือนเริ่มได้ซ้อมกับทีมมากขึ้นทำให้จับจังหวะ และทิศทาง ไลน์การวิ่งของเพื่อนร่วมทีมได้ น่าสนใจว่าหากได้ลงอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้เจ้าตัวกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง

แท็คติคนี้ ดูดีเลย

เกมนี้อาร์เตต้า มาแปลกไม่ได้ส่ง โธมัส ปาร์เตย์ลงสนาม ทำให้กองกลางสามคนเป็น ซาก้า, โอเดนการ์ด และ สมิธ โรล แล้วให้ โอบาเมยอง เป็นหน้าเป้า ต้องยอมรับว่า แท็คติคตรงนี้ดีมากเลย เกมการเล่นดูรวดเร็ว แล้วผลักบอลไปข้างหน้าเร็วขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายต้องถอยให้เร็วจนเสียกระบวน น่าจะดีถ้า อาร์เตต้า ใช้แท็คติคนี้ต่อไปสักระยะ

เกมวันพฤหัสนี้ ถึงคิวของศึกฟุตบอลยูโรป้าลีค จะได้ออกแสงบ้าง ยอมรับเลยว่าเกมรอบนี้ถือว่าเข้าสู่จุดสำคัญเหมือนกัน เพราะหากผ่านด่านตรงนี้ไปได้ ก็เท่ากับว่า เหลืออีกแค่สามเกมจะถึงแชมป์ยูโรป้าลีคแล้ว หากพวกเค้าทำได้ในลีคก็ปล่อยไหลได้เลยไม่ต้องคิดมาก อย่างไรก็ตามทุกทีมที่หลุดเข้ามาก็คิดไปถึงแชมป์ด้วยเหมือนกัน เราไปดูกันว่าประเด็นก่อนเกมนี้มีอะไรบ้าง

ผีแดง ไม่ง่ายอย่างที่คิด

เริ่มต้นกันที่เต็งหนึ่งในรายการนี้อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าการที่เกมแรกพวกเค้าชนะกรานาด้ามา 2-0 อาจจะมองว่าพวกเค้าน่าจะผ่านได้สบายในเกมเลกที่สอง แต่ไม่ใช่เลย การขาดนักเตะตัวสำคัญที่ติดโทษแบนอย่าง ลุค ชอว์, แมกไกรว์ และ แม็คโทมิเนย์ ทำให้พวกเค้ายวบลงเยอะเหมือนกัน ตามที่สื่อรายงานน่าเป็นห่วงตรงเซนเตอร์แบ็คที่จะส่ง ตวนเซเบ้ ลงแทน น่าสนใจว่า น้องเค้าจะรับมือได้ดีแค่ไหน หากวัดจากเกมล่าสุดดูจะยังไม่นิ่งพอในเกมสำคัญอย่างนี้ หากพลาดแต่ต้นเกม ผีแดงอาจจะเหนื่อยได้เหมือนกัน

อาร์เตต้า ต้องเข้ารอบเท่านั้น

ส่วนเต็งสองรายการนี้อย่าง อาร์เซนอล พวกเค้าเองเรื่องการขึ้นไปยึดท็อปโฟร์ ดูจะยากมากเลยจากสถานการณ์ในเวลานี้แม้จะชนะมาในเกมล่าสุดก็ตาม ดังนั้นหนทางเดียวที่น่าจะดีกว่าก็คือการไปแชมป์ยูโรป้าลีค แต่ว่าเกมแรกพวกเค้าดันเสมอสลาเวีย ปรากในบ้านตัวเอง1-1 ทำให้เกมนี้ค่อนข้างกดดันพอสมควร บวกกับหากเกมนี้พวกเค้าตกรอบอาจจะต้องสังเวยกุนซือของทีมอย่าง มิเกล อาร์เตต้าอีกด้วย

อูไน จะได้เจอทีมเก่า (ไหม)

อีกคู่หนึ่งที่แฟนบอลรอดูก็คือ บียาร์เรอัล เกมแรกเฉือน ซาเกร็บไปลูกหนึ่ง ดังนั้นเกมนี้พวกเค้าแม้จะนำอยู่ แต่ก็ต้องเล่นเต็มที่ เพื่อการันตีเข้ารอบ ความน่าสนใจก็คือ หากเข้ารอบ กุนซือของ บียาร์เรอัล มีสิทธิ์ได้เจอต้นสังกัดเก่าอย่าง อาร์เซนอลด้วย รับรองว่าสนุกแน่นอน แต่ว่ามันต้องเกิดก่อนนะ

ก่อนจะไปว่ากันเรื่องรอบรองชนะเลิศทั้งสี่ทีมมีดี มีเด่น มีด้อยอย่างไรบ้าง เราขอเก็บตกสุดท้ายด้วยการย้อนไปดูว่าเกม รอบแปดทีมสุดท้าย เลกที่สองที่ผ่านมานั้น แต่ละทีมใครได้ นักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมนั้น หรือ man of the match กันบ้าง ซึ่งฟอร์มของพวกเค้าก็สะท้อนรูปเกมได้ดี

ปารีส : เนย์มาร์

เริ่มกันที่คู่แรกระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ ปารีส เกมนี้ถือว่าเป็นเกมคุณภาพระดับ สิบดาวเต็มสิบแบบไม่หักกันเลยทีเดียว เกมที่สองนี้ แม้ว่าผลการแข่งขันจะเป็นทาง บาเยิร์น มิวนิคจะชนะไปได้ 1-0 แต่ว่าผู้เล่นยอดเยี่ยมต้องเป็นเนย์มาร์อย่างเป็นเอกฉันท์เลยทีเดียว เกมนี้ทั้งวิ่ง ทั้งยิง และจ่าย มองหาตำแหน่ง วิ่งไลน์หาตำแหน่งอย่างดีทีเดียว การเห็นเค้าเล่นแบบนี้ถือว่าน่ากลัวสำหรับทีมอื่นมาก เนื่องจากมันแปลว่าเค้าเติบโตขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว

เชลซี : คริสเตียน พูลิซิซ

มาที่คู่ของเชลซีกับปอร์โต้กันบ้าง คู่นี้ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไร เพราะว่าผลที่ได้เปรียบในนัดแรก ทำให้เกมเลกที่สองอีกฝ่ายต้องเดินหน้ามากขึ้น ส่วนผู้นำก็ผ่อนลงจนแพ้แต่เข้ารอบ เกมนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าปอร์โต้ จะชนะไปได้ 1-0 แต่ว่าก็ไม่เพียงพอจะเข้ารอบ ส่วนผู้เล่นยอดเยี่ยมเกมนี้ต้องยกให้กับ คริสเตียน พูลิซิซ จากเชลซีแบบไม่ต้องสงสัยอีกเช่นกัน เอาแค่ว่าเจ้าตัวกลายเป็นเป้าหมายของนักเตะปอร์โต้ที่ไล่เตะเกือบทั้งเกม ก็น่าจะตอบโจทย์ได้แล้วว่าเค้าสำคัญแค่ไหน ไม่เท่านั้นการเอาตัวเข้าแลกของเค้าทำให้เกมของเชลซี ดูไหลลื่น และไม่โดนปอร์โต้ ยิงใส่เอา จนกระทั่งมาโดนในช่วงท้ายเกม ซึ่งช็อตสวยๆแบบนั้นมันก็ต้องยอมให้เค้าไป ส่งท้ายเรามีสถิติของ พูลิซิซ มาฝากกัน เกมนี้เค้าสามารถเรียกฟลาว์ได้มากถึง 11 ครั้งด้วยกัน ซึ่งทาบสถิติสูงสุดที่เคยทำเอาไว้โดย ลิโอเนล เมสซี่ เมื่อ 10 กว่าปีโน่นเลย ผลงานในเกมนี้น่าจะทำให้เจ้าตัวมีเครดิตมากพอจะแย่งตำแหน่งกับกองกลางคนอื่นในการลงสนามได้เหมือนกัน

เราเชื่อว่าตอนนี้แฟนแมนยูหลายคนน่าจะยิ้มกริ่มพอใจได้แล้วสำหรับการเสริมทัพของทีม จากการเปิดตัวของเจดอน ซานโช่ ที่รอมาเกือบปีสุดท้ายก็จบลงเสียทีด้วยตัวเลขค่าตัวที่น้อยกว่าที่คิดไว้ อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งตัวละครลับที่เรามองว่าเป็นการทำงานที่ถูกจุดมากของบอร์ดบริหารก็คือ เอริค แรมซีย์ เค้าไม่ใช่นักเตะ เป็นหนึ่งในสต๊าฟทีมงานคนใหม่ที่บอกเลยว่าน่าจะเป็นตัวละครสำคัญของแมนยูในเวลานี้

เส้นทางการทำงาน

เราขอเล่าเส้นทางการทำงานของ โค้ชคนนี้แบบเร็วๆเลยก็แล้วกัน เส้นทางของเค้าเริ่มต้นที่การทำงานกับทีม Shrewsbury ในฐานะหัวหน้าผู้ดูแลการฝึกซ้อมของเยาวชน จากนั้นก็ขึ้นไปคุมทีมเยาวชน แล้วก็ขึ้นไปเป็นผู้ช่วยในการคุมทีมชุดใหญ่ จากนั้นเค้าได้ก้าวมาทำงานที่เชลซี ด้วยการทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชุดสำรอง แล้วก็ย้ายมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ความสามารถ

การดึง เอริค แรมซีย์ เข้ามาเรามองว่าสำคัญไม่แพ้การซื้อตัว ซานโช่ เลย ก็เพราะว่า ชายคนนี้มีความสามารถพิเศษในการฝึกซ้อมแท็คติคลูกตั้งเตะของทีม ทั้งการตั้งรับ และการรุกเพื่อทำแต้ม แน่นอนว่าลูกนิ่งของแมนยู แทบจะไร้พิษสงเลยไม่มีอะไรใหม่นอกจากการเตะเข้าไปโดยตรงของ บรูโน่ หรือ แรชฟอร์ด อย่างมากก็แค่เปิดให้เข้าหัวใครสักคน แต่ถ้าเป็นตอนตั้งรับลูกตั้งเตะ แฟนแมนยูคงรู้สึกเหมือนกันว่า มีสิทธิ์โดนไปครึ่งตัว ทีนี้การมาของเค้าจะทำหน้าที่ติวเข้มเป็นพิเศษ รวมถึงการคิดค้นสูตรลูกเล่นตั้งเตะใหม่ๆของแมนยูให้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขจุดอ่อนโดยตรงของทีมในเวลานี้

แก้เกมเพรสซิ่ง

อีกหนึ่งแท็คติคที่คนนี้เก่งมาก เป็นการติวเข้มเรื่องการแก้เพรสซิ่งที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของแมนยู ที่โดนเพรสใส่ตั้งแต่แดนหลังทีไร ต้องเตะทิ้งตลอด ยากมากที่จะแกะได้ หรือแกะได้ก็เล่นต่อไม่ได้ ทีนี้การเข้ามาของเค้าน่าจะยกระดับการแก้แกะเพรสให้เป็นระบบ พร้อมสวนกลับและเล่นต่อได้มากขึ้น ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญของแมนยูในซีซั่นนี้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าเป็นทีมสโมสรที่มีประโยชน์ต่อเกมทีมชาติโดยเฉพาะศึกยูโรที่ผ่านมาอย่างมาก เพราะว่าพวกเค้าส่งออกนักเตะไปเล่นทีมชาติในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมาเยอะมาก ทีมชาติตัวเต็งอย่าง อังกฤษ โปรตุเกส สเปน เบลเยียม ต้องใช้บริการนักเตะของซิตี้ เป็นตัวหลักทั้งนั้น คราวนี้เรามาดูฟอร์มนักเตะของซิตี้ในทีมชาติอังกฤษกันหน่อยว่าเป็นอย่างไร

จอห์น สโตน

คนแรกที่เรามองว่าเป็นการจับคู่กันที่ยอดเยี่ยมของคู่เซนเตอร์แบ็คเลย จอห์น สโตน ติดทีมไปในฐานะเซนเตอร์แบ็คตัวจริงคู่กับ แมกไกรว์ จากสถิติเค้าได้ลงเล่นทั้งหมด เจ็ดเกม สถิติ แท็คเกิ้ลได้สามครั้ง เคลียร์บอลสำเร็จ สิบครั้ง และบล็อคลูกยิงได้ แปดครั้ง ถือว่าเป็นเซนเตอร์แบ็คตัวจริงของ อังกฤษได้ต่อยาวๆ

ไคล์น วอล์คเกอร์

ไม่รู้ว่าจะเป็นแผนของ เซาท์เกธ หรือเปล่า แต่ว่าการดึง ไคล์น วอล์คเกอร์มาด้วย ยิ่งทำให้การเล่นเข้าขากับ จอห์น สโตนมากขึ้น ทั้งคู่เล่นคู่กันประจำตอนเล่นสโมสร ทำให้เกมรับ เล่นสอดประสานกันดี สถิติของ วอล์คเกอร์ ลงเล่นไปทั้งหมด หกเกม แท็คเกิ้ลไปสี่ครั้ง เคลียร์บอลสำเร็จมากถึง สิบห้าครั้ง และ บล็อกลูกยิงไปหนึ่งครั้ง เป็นอีกหนึ่งแบ็คที่เล่นได้ดี มีผลงานจับต้องได้ แม้ว่าจะอายุขึ้นเลขสาม แต่ไม่เป็นปัญหา น่าจะยึดตัวจริงได้อีกอย่างน้อยหนึ่งทัวร์นาเมนต์

ฟิล โฟเด้น

สำหรับดาวรุ่ง ระดับนรกแตกคนนี้ มาในเวอร์ชั่นหัวทองตอนเล่นทีมชาติอังกฤษ ต้องยอมรับว่าคาแรกเตอร์น้องมันได้ แต่โอกาสได้รับน้อยไปหน่อย ลงเล่นไปสามเกม ส่วนร่วมกับเกมก็น้อยมาก แถมจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไร อาจจะต้องเค้นฟอร์มมากกว่านี้ บวกกับประสบการณ์ที่ต้องมากขึ้นด้วย อีกเรื่องที่เรามองเห็นน่าจะเป็นอิมแพ็คต่อเกมที่น้อยเกินไป ต้องรอเวลา

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ถ้าจะถามว่า อังกฤษจะให้ ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ของอังกฤษเอง เราว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่งได้ไปแบบไร้ข้อโต้แย้ง การลงสนามเจ็ดเกม ทำได้สามประตู พาทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่ม รอบน็อคเอาท์ จนถึงรอบชิงชนะเลิศไปได้ นี่ไม่ใช่เรื่องฟลุค แม้ว่ารอบชิงจะเล่นไม่ออกเกมเดียว แต่ก็ไม่ควรตำหนิเค้าเลย ถือว่าเล่นดีสุดของนักเตะแมนซิตี้ที่ลงสนามในทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยซ้ำ

ช่วงนี้ฟุตบอลกลางสัปดาห์ก็เตะกันไปตามประสา แต่ว่ามีข่าวออกมาน่าสนใจข่าวหนึ่งก็คือ มีการจัดอันดับผลงานของกุนซือในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นทบทวนว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมาใครทำผลงานได้ดีหรือแย่อย่างไรบ้าง โดยองค์กรที่จัดอันดับครั้งนี้คือสหพันธ์ประวัติศาสตร์ฟุตบอลนานาชาติ มาดูกันว่าใครมาเป็นอันดับ 1-2-3

ดิเอโก้ ซิเมโอเน่
คนแรกที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด (อธิบายก่อนว่า เค้าจัดอันดับมาจากผลงานที่เค้าจัดอยู่แล้วทุกปี แล้วเอาคะแนนแต่ละปีมารวมกันตลอด 10 ปี) โดยคนที่ได้ที่ 1 ก็คือ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ บอสคนเก่งของแอต.มาดริดนั่นเอง อันนี้หลายคนอาจจะคิดว่าไม่น่าใช่ แต่ถ้ามองจากการเข้ามาปลุกปั้น แอต.มาดริด ให้กลายเป็นขั้วอำนาจที่ 3 ของมหาอำนานลูกหนังเมืองสเปนก็ถือว่าชายคนนี้ก็กรุยทางมาเยอะทีเดียว

เป๊ป กวาดิโอลาร์
อันดับที่ 2 เป๊ป กวาดิโอลาร์ คนนี้ก็ต้องบอกว่า เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จตลอดเส้นทางผู้จัดการทีมเลย ไม่ว่าจะเป็นการปลุกปั้นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมแถวหน้าของยุโรปในเวลานี้ไปแล้ว ไหนจะต้องย้อนกลับไปถึงในตอนที่เค้าประสบความสำเร็จจากการคุมทีมบาเยิร์น มิวนิคอีก

เจอร์เก้น คล็อปป์
อันดับที่ 3 เจอร์เก้น คล็อปป์ แน่อนนว่าผลงานการคุมทีมพาลิเวอร์พูล กลับสู่ความยิ่งใหญ่ที่รอคอยมานานกว่า 30 ปี อย่างการได้แชมป์พรีเมียร์ลีค เป็นผลงานชั้นเยี่ยม แต่ก่อนจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีค คล็อปป์ก็พาลิเวอร์พูลได้แชมป์อื่นมาอีกเพียบ อย่าง UCL สมัยที่ 6 ก็ใช่ เรียกว่าปลุกปั้น ปลุกชีพ ปั้นทีมให้กลายเป็นทีมแถวหน้าของโลกได้ในเวลานี้

โชเซ่ มูรินโญ่
คนสุดท้ายที่เราขอติดมาด้วย มูรินโญ่ แม้จะโดนหลายคนมองว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรตอนคุม แมนยู แต่เอาจริงตอนนั้นก็ได้แชมป์ยูโรป้าลีคนะ หรือจะเป็นช่วงคุมมาดริด ก็ไม่ได้แย่นะ โดยรวมก็ถือว่าสมราคาที่เค้าติดมาในอันดับที่ 4 ตามโพลด

หลังจากตอนนี้ฟุตบอลลีคแต่ละประเทศกลับมาเตะกันตามปกติ รวมถึงบอลถ้วยในประเทศด้วย นั่นทำให้ตอนนี้แฟนบอลเริ่มมองไปถึงการเตะถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปทั้งถ้วยใหญ่และถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีค และ ยูโรป้า ลีคกันแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้ทางฝ่ายจัดการแข่งขันก็ได้เตรียมหารือทางออกเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาได้ เรามาดูกันว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง
รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป เตะแบบน็อคเอาท์
จากสถานการณ์โควิท 19 นั่นทำให้รูปแบบการแข่งขันของฟุตบอลสโมสรยุโรปต้องเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เตะกันเหย้าเยือน อาจจะปรับใหม่ให้เหลือเพียงการเตะนัดเดียวรู้ผลเลย โดยการแข่งขันจะจัดการแบบทัวร์นาเมนต์ คล้ายกับพวกฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลระดับทวีป แน่นอนว่าพอปรับรูปแบบการแข่งขันแบบนี้บอกได้เลยว่าเกมฟุตบอลจะสนุกมากกว่าเดิมในอีกรูปแบบหนึ่ง ลองนึกภาพว่าเราดูฟุตบอลลีคที่เตะแบบทัวร์นาเมนต์แค่คิดก็สนุกแล้ว
วันเวลา สถานที่
หากแผนข้างต้นของยูฟ่าเป็นไปด้วยดี พวกเค้าได้กำหนดปฏิทินวันเวลาเบื้องต้นเอาไว้แล้ว โดยเกมฟุตบอล UCL พวกเค้าจะโยกเกมทั้งหมดไปแข่งกันที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ในช่วงเวลา 12 – 23 สิงหาคม ส่วนเกมถ้วยเล็กอย่างยูโรป้าลีค จะใช้วิธีการเดียวกัน แต่จะแยกไปเตะกันที่ประเทศเยอรมันในต่างเมืองกันเพื่อกระจายความแออัด จัดเตะระหว่างวันที่ 10-24 สิงหาคม
การบริหารจัดการคู่ตกค้าง
ที่ยังเป็นคำถามอยู่ก็คือ ในส่วนที่ตกค้างกันอยู่จะเอาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น UCL ที่ค้างในเกมนัดที่สองอยู่อีก 4 คู่ อันนี้อาจจะต้องหารือกันอีกรอบหนึ่ง แต่มีการวางกำหนดการไว้ว่าให้แข่งในวันที่ 7-8 สิงหาคม (อาจจะต้องคุยกันอีกครั้ง) ส่วนยูโรป้าลีค คู่ที่ยังไม่ได้เตะนัดแรก ให้เปลี่ยนมาเตะนัดเดียวรู้ผลที่สนามกลาง(รอประชุมอีกครั้ง)แต่วางไว้วันที่ 5-6 สิงหาคม ส่วนคู่ที่เตะไปแล้วเกมที่สองต้องรอประชุมกับผู้มีส่วนได้เสียอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไร ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของแฟนบอลที่จะได้ชมการแข่งขันแบบต่อเนื่องยาวๆไป